.........ตำนานมีความย่อว่าพระเจ้าสิงหนวัติได้อพยพผู้คนเดินทางลงมาจากทางตอนใต้ โดยได้ร่วมกับชนพื้นเมืองในการก่อตั้งอาณาจักรขึ้นมาและเรียกว่า นาคพันธุ์สิงหนวัตินคร (อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย) มีเมืองเชียงแสนเป็นราชธานี ต่อมามีอาณาเขตกว้างใหญ่ ทางทิศตะวันออกตั้งแต่แคว้นตังเกี๋ยของเวียดนามปัจจุบัน ไปจดแม่น้ำสาละวิน รัฐฉาน ประเทศพม่า ทางเหนือจากบริเวณเมืองหนองแส มณฑลยูนนานของจีนลงมาถึงที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน ถึงสมัยพระเจ้าพังคราช อาณาจักรโยนกเชียงแสนถูกขอมรุกรานจนต้องอพยพราษฎรไปสร้างเมืองใหม่ที่เวียงสีทอง ริมฝั่งแม่น้ำแม่สาย ต่อมาพระเจ้าพรหมมหาราชซึ่งเป็นราชโอรสขับไล่ขอมได้สำเร็จ จึงเชิญเสด็จพระเจ้าพังคราชกลับไปครองเชียงแสนตามเดิม ส่วนพระเจ้าพรหมมหาราชได้พาผู้คนไปสร้างเมืองไชยปราการทางใต้ของเชียงแสน เพื่อให้เป็นเมืองหน้าด่านป้องกันขอมกับมาขึ้นไปรุกราน .........ตำนานสิงหนวัติมีปัญหาที่ถกเถียงกันมาแต่เดิมคือเรื่องของเวลา คือตัวเลขศักราช เนื่องจากเป็นเอกสารต้นฉบับตัวเขียนที่คัดลอกกันต่อ ๆ มา และแพร่กระจายอย่างกว้างขวาง ทำให้เกิดความผิดพลาดในการคัดลอก อีกทั้งศักราชที่ใช้ในตำนานปรากฏว่ามีถึง 3 แบบ ซึ่งตำนานเรียกว่าโบราณศักราช ทุติยศักราช และตติยศักราช โดยไม่บอกว่าเป็นศักราชอะไร ทำให้มีการแปลความหมายเวลาในตำนานผิดพลาดมาแต่สมัยโบราณ แต่มีการวิเคราะห์ว่า โบราณศักราชนั้นคืออัญชนะศักราช ซึ่งเก่ากว่าพุทธศักราช 148 ปี ทุติยศักราช คือพุทธศักราช เป็นปีหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน และตติยศักราช คือมหาศักราช ซึ่งหลังกว่าพุทธศักราช 621 ปี ในตำนานสิงหนวติได้กล่าวถึงตอนสรา้งเมืองดังนี้ ...วันนั้นยังมีพระยานาคตัวหนึ่งชื่อว่าพันธุนาคราชนั้น ก็เนรมิตตนเป็นพราหมณ์ผู้หนึ่ง แล้วก็เข้ามาสู่ที่อยู่เจ้าสิงหนวติกุมารแล้วก็กล่าว เชิง สิงหนวติกุมารว่า ดูกรเจ้ากุมาร ท่านนี้เป็นลูกท่านพระยามหากษัตริย์ หรือว่าเป็นเศรษฐีและ คหบดีกฎุมพีพ่อค้าอันชา ลูกบ้านใดเมืองใด มาชา เจ้ากุมารมาประโยชน์อันใดชาว่างั้น เจ้าสิงหนวติกุมารกล่าวว่า พราหมณ์ดูกรท่าน พราหมณ์เรานี้ก็เป็นลูกมหากษัตริย์ ตนชื่อว่าเทวกาล อันเป็นเจ้าเมืองราชคฤห์หลวงโพ้นแล เรานี้มาเพื่อจัดแสวงหาที่สร้างแปลงเมืองอยู่แดว่าอั้น ... เมื่อนั้นนาคพราหมณ์ผู้นั้นกล่าวว่า ดีแท้แล ท่านจึงตั้งอยู่สถานที่นี้ให้เป็นบ้านเป็นเมืองอยู่ทือจักวุฒิจําเริญดีบรมวนด้วยเข้าของสมบัติสะแด ประการหนึ่งเล่าช้ำเศิกทั้งหลาย เป็นต้นว่า มหานครเมืองใหญ่ทั้งหลายจักมารบก็เป็นอันยาก เหตุนั้นน้ำแม่ใหญ่ทั้งหลายสะเภา โลกาก็บ่รอดและว่างั้นแล้ว แต่ว่าให้มีศักดิ์มีใจรักยังคนแลสัตว์ทั้งหลายเทอะว่าอั้น ....เมื่อนั้นเจ้าสิงหนวติกุมาร จึงกล่าวว่า ดูกรท่านพราหมณ์ ท่านนี้อยู่ ฐานะที่ใดอยู่บ้านใดเมืองใด ท่านมีชื่อลือชาประการใด นาคพราหมณ์กล่าวว่า ข้านี้มีชื่อว่า พันธุพราหมณ์ อยู่รักษาประเทศที่นี้แต่เช่นเค้ามาแล ท่านจึงใช้สัปปุริสบ่าวเพื่อไปทวยดูที่อยู่แห่งข้าเทอะ ว่าอั้นแล้วก็ลาจากหนีไปแด ...สิงหนวติกุมารก็ใช้บ่าวเพื่อนไปดูด้วย เจ็ดคนแล ครั้นว่าทวยไปหนหรดีไกลประมาณพันวาแล้ว ก็ลวดกลับหายไปเสียแล เมื่อนั้น คนใช้หันเป็นสันนั้นแล้ว เขาก็กลับคืนมาบอก แก่เจ้าแห่งเขาตามดังเขาหันนั้น อันแด เมื่อนั้นสิงหนวติกุมาร ได้ยินคำอันนั้นแล้วก็สะดุ้งใจอยู่แล ... ส่วนนาคพราหมณ์ผู้นั้นก็เอาเพศเป็นพระยา นาคแล้ว ก็เที่ยวบุ่น ไปหื้อเป็นเขตต์หื้อเปนเวียง กว้างสามพันวารอดแล้วก็หนีไปสู่ที่แห่งตนแล ... ครั้นว่าคืนนั้นรุ่งแจ้งแล้วสิงหนวติกุมาร ท่านก็หันเป็นประการสันนั้น ก็มีใจชมชื่นยินดี แล้ว ก็ให้หาพราหมณ์อาจารย์มา แล้วก็ถามพราหมณ์อาจารย์ว่า พราหมณ์ผู้มาบอกให้เรา จะเป็นเทวบุตร เทวดาหรืออินทร์พรหมอั้นชาว่าอั้น เมื่อนั้นพราหมณ์อาจารย์จึงกล่าวว่าตามดังข้าผู้เฒ่ามาพิจารณาดูนี้ จะเป็นพระยานาค สะแดงว่าอั้น เมื่อนั้นก็พร้อมกันเข้าแต่งเรือนหลวง แปลงหอเรือนแล้วบรมวนก็เข้าอยู่เป็นเมืองอันใหญ่แล้ว .... พราหมณ์อาจารย์ผู้นั้นก็พิจารณาเอาชื่อ พระยานากว่าพันธุ์นั้นกับชื่อกุมารผู้เจ้านั้น ชื่อว่าสิงหนวติกุมาร สมด้วยกันแล้วก็เรียกว่าเมืองนาคพันธุสิงหนวตินคร นั้นแล .....เจ้าสิงหนวติกุมาร ได้เป็นเจ้าเมืองนาคพันธุ สิงหนวตินครที่นั้นแล้ว ท่านก็มีอาญาใช้ไปเรียกร้องเอาขุนหลวงมิลักขุทั้งหลายให้เขามาสู่ สมภารแห่งตนเสี้ยงแล .... แต่นั้นไปข้างหน้าได้ 6 ปี ยังมีเมืองอันหนึ่งอยู่หนหรดี ไกลประมาณ 4 คืนทาง มีข้างหัวน้ำกุกกุฏนที ที่นั้นมีชื่อว่า เมืองอุโมงค์เสลานคร ว่าอั้น เมืองอันนั้นเป็นที่อยู่แห่งชาวขอมทั้งหลายแล ...ส่วนว่าเวียงขอมก็เป็นเมืองพร้อมกันกับเมืองสุวรรณโคมคำ แต่เช่นศาสนาพระเจ้ากัสสปะ มาต่อเท่าบัดนี้ บ่หล่าง แลเหตุนั้นพระยาขอม คนเป็นเจ้าเมืองอุโมงคเสลานครนั้น จึงมีมานะ กระด้างแข็งเข้าสู่สมภารเจ้าเมืองนาคพันธุ สิงหนวตินครเพื่ออั้นแล .....เมื่อนั้นเจ้าสิงหนวติกุมาร ท่านก็ยกเอาพล กําลังไปชะนะเอาพระยาขอม แลเมืองอุโมงค์เสลานครได้เข้ามาสู่สมภาร แต่นั่นแล .....มหาศักราชได้ 22 ตัว ดับไส้ตั้งแล้วได้ ๕ ปี ท่านก็ได้ปราบลานนาไทยทั้งมวลแล้ว ตำนานสิงหนวติกุมาร
จับต้องไม่ได้ : InTangible.
วรรณกรรมพื้นบ้าน : FL : Folk Literature ตำนานพื้นบ้าน
.
เลขที่ : เหมืองหนอง(หล่ม) ต. จันจว้า อ. แม่จัน จ. เชียงราย 57270
นายเมืองชื่น จินดาธรรม
บ้านเลขที่ 278 หมู่ที่ 1 บ้านป่าสักหลวง ต.จันจว้าใต้ อ.แม่จัน จ.เชียงราย 57270 เบอร์โทรศัพท์ 091 8570358
ผศ.ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง : 2566 Open Call