บ้านสารพัฒนา ตำบลวังแสง อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม ประวัติชุมชน ประมาณปีพ.ศ. 2,400 ได้แยกมาจากบ้านกกกอก (เดิมชื่อบ้านคอนข้าวสาร) มาเป็นบ้านคอนสาร ต่อมาในปีพ.ศ. 2,504 ในยุครัฐบาลของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 1 เป็นแผนงานสร้างรายได้จากภาคเกษตร จึงมีการมองหาช่องทางว่าจะนำพืชชนิดใดมาให้เกษตรกรปลูก แล้วนำผลผลิตไปสร้างให้เกิดมูลค่าเพิ่ม "ปอ" จึงถือเป็นพืชเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่ง คนในชุมชนบ้านคอนสารจึงได้มีการถากถางป่าเพื่อทำการปลูกปอ และมีนายฮ้อยเข้ามารับซื้อปอและข้าวถึงในหมู่บ้าน ทำให้สะดวกสบายในการซื้อขาย ชาวบ้านเล่าว่าเวลาลอกปอเสร็จแล้วจะมีการนำปอไปแช่ตามที่นาของตนหรือที่ๆมีน้ำขังอยู่ เพราะมีกลิ่นที่ค่อนข้างแรง ต่อมาในปี2521 ไฟฟ้าเริ่มเข้ามาภายในชุมชนมีเครื่องใช้ไฟฟ้าและเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาในชุมชนมากขึ้น จากการสัมภาษณ์ ของคนในชุมชนเล่าว่า “ แม่จำได้ว่าสมัยแต่กี้ตอนน้อยๆได้ไปขอเบิ่งหนังเรื่องดาวพระศุกร์อยู่บ้านพ่อสังวาลย์ บ้านวังแสง เป็นบ้านแรกที่มีโทรทัศน์” (เพ็ญศรี ทองภู. 2564. สัมภาษณ์) “แม่กะได้ไปซื้อหม้อหุงข้าว พัดลมอยู่ในเมืองสารคาม ไปซื้ออยู่ร้านนาทีทอง เอาเงินที่เก็บสะสมไว้จากการขายข้าว ขายปอนี้ละไปซื้อ ฮ่า ฮ่าๆๆ” (แดง ถานโอภาส. 2564. สัมภาษณ์) ประมาณปีพ.ศ. 2,533 ได้มีการเวนคืนที่ดินจากการขยายถนนทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณถนนต้องเคลื่อนย้ายออกมาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ก่อนปีพ.ศ. 2,536 ผ้าเป็นเพียงเครื่องนุ่งห่มใช้กันเองในครัวเรือน คนในชุมชนมีการเลี้ยงหม่อนไหม ปลูกฝ้าย มีการทอผ้าฝ้ายและผ้าไหม นิยมทอผ้าลายค้อนาคสองหัว ลายกระเบื้อง ลายปลาซิว (หมี่โค่โร่) ย้อมผ้าไหมโดยอาศัยทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นหรือที่เรียกว่าการย้อมสีธรรมชาติ เช่น ครั่งให้สีแดง ลิ้นฟ้าให้สีเหลืองอบเขียว เป็นต้น ในปีพ.ศ. 2,535 คนในชุมชนบางส่วนได้มีการทำศาลพระภูมิ เจดีย์ธาตุ ทำโรงงานเพื่อผลิต เริ่มจากการที่นายสำรวย มูริจันทร์เป็นผู้ริเริ่มทำคนแรก และคนที่ไปทำงานที่กรุงเทพมหานครได้กลับมาอยู่บ้านเพื่อมาทำศาลพระภูมิ และเจดีย์ธาตุ เพราะเห็นว่าขายได้ราคาดี มีทั้งหมด 5 ร้าน ส่งขายตามต่างจังหวัด ตามร้าน เป็นศาลที่ยังไม่ทาสี ทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน ต่อมาในปีพ.ศ. 2,536 ได้ก่อตั้งกลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านคอนสาร มีสมาชิก 10 คนขึ้นไปและได้มีการอบรมการทอผ้าลายใหม่ การใช้สีในการย้อมที่ดีขึ้น และมีการเอาไม้บรรทัดมาตีตาราง ชาวบ้านเล่าว่า “ผ้าคือสัญลักษณ์ของชุมชน” คนในชุมชนบางส่วนได้มีการทำศาลพระภูมิ เจดีย์ทาส (พ.ศ.2536-2537 ธาตุ เจดีย์ธาตุ และศาลพระภูมิเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น) ต่อมาในปี พ.ศ. 2,539ประชากรมีความหนาแน่นเพิ่มมากขึ้นทำให้ยากต่อการปกครอง จึงแยกหมู่บ้านเป็น 2 หมู่บ้านได้แก่ บ้านคอนสาร(ม.2) และบ้านสารพัฒนา(ม.19) มีถนนแกดำ-มหาสารคาม เป็นถนนลูกรังดินทราย และมีนายบัวผัน ทองทะนา เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก ปีพ.ศ. 2,547 กลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านสารพัฒนาได้รับรางวัล OTOP 2 ดาว “ลายพื้นบ้าน” ต่อมาในปีพ.ศ. 2,549 ได้รับ OTOP 3 ดาว และปีพ.ศ. 2,554 มีผลิตภัณฑ์อื่นๆเกิดขึ้น ได้แก่ ผ้าพันคอ ผ้าขาวม้า ผ้าคลุมไหล่ ผ้าห่ม ปีพ.ศ. 2,560 เกิดถนนเส้นใหม่เชื่อมไปยังบ้านขอนแก่น เป็นถนนลาดคอนกรีตทางไปนาทำให้คนในชุมชนมีการขยายตัวไปตามที่นาของตนเอง ในปีพ.ศ. 2,562 กลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านสารพัฒนา ได้รับรางวัล OTOP 4 ดาว มีการทอลายไข่มดแดงซึ่งเป็นบายประอำเภอแกดำ มีบรรจุภัณฑ์ภายนอกทำให้มีราคาเพิ่มขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ มีสมาชิกในกลุ่มจำนวน 25 คน ได้รับเงินสนับสนุน 2,500 บาท ต่อคน กลุ่มลูกค้าที่มาซื้อผ้าส่วนใหญ่คือกลุ่มราชการตามหน่วยงานต่างๆ สั่งทำตามออเดอร์ ทำให้คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เกิดการกระจายรายได้ภายในชุมชน เศรษฐกิจของชุมชนดีขึ้นส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้คนมีผลที่ดีตามมา
จับต้องไม่ได้ : InTangible.
วรรณกรรมพื้นบ้าน : FL : Folk Literature .
เลขที่ : บ้านสารพัฒนา16. ต. วังแสง อ. แกดำ จ. มหาสารคาม 44190
นางเพ็ญศรี ทองภู
-
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม :