PMU ทุนทางวัฒนธรรม


ข้อมูลวัฒนธรรม : AR-50160-00033 [ ได้รับทุนจากโครงการ ]

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
Wat Prathat Sri Chomthong Worwihan

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารเป็นวัดสำคัญเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญทางด้านจิตใจของเมืองจอมทองและคนในบริเวณนี้ เนื่องจากเป็นสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ มีพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ กล่าวคือ พระทักขิณโมลีธาตุ(พระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียรเบื้องขวาแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า) มีขนาดโตเท่าเม็ดถั่ว หรือเมล็ดข้าวโพด สัณฐานกลมเกลี้ยงมีสีคล้ายดอกพิกุลแห้ง เวลาเคลื่อนย้ายพระทักขิณโมลีธาตุ เจ้าหน้าที่จะต้องใช้ช้อนทองคำตักองค์พระทักขิณโมลีธาตุนี้แปลกกว่าที่อื่น ๆ มาก เพราะมิได้บรรจุไว้ในองค์เจดีย์ แต่ประดิษฐานไว้ในพระโกศซึ่งเก็บไว้ในมณฑปปราสาทที่ตั้งอยู่กลางพระวิหารของวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ภายในมณฑปปราสาทเป็นคูหา มีประตูเปิดปิดได้ก่อด้วยอิฐถือปูนสลักลวดลายแบบไทยอย่างวิจิตรงดงามและปิดทองทั้งองค์ ลักษณะสัณฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสคล้ายพระเจดีย์ ฐานกว้าง 4 เมตร สูงจากพื้น 8 เมตร สร้างโดยพระเจ้าดิลกปนัดดา (พระเมืองแก้ว) เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ใน พ.ศ. 2060 โดยจะมีพิธีสรงน้ำพะบรมสารีริกธาตุทุกวันพระ (ขึ้น 15 ค่ำและแรม 15 ค่ำ) ตั้งแต่วันเพ็ญเดือน 3 (เดือนห้าเหนือ) ไปจนถึงวันเพ็ญเดือน 7 (เดือนเก้า เหนือ) ซึ่งเรียกว่าพระบรมธาตุออกพรรษา เป็นเวลาประมาณ 3 – 4 เดือน และระยะเวลาประมาณ 8 – 9 เดือนต่อไปนั้นจะเรียกว่า พระบรมธาตุเข้าพรรษา ซึ่งจะไม่มีการสรงน้ำและไม่มีการอัญเชิญพระธาตุเสด็จไปในที่ใด ๆ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร สร้างใน พ.ศ. 1995 โดยนายสร้อย นางเม็ง สองสามีภรรยาผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา เดิมเรียกว่าวัดจอมทอง ตั้งอยู่บนดอยจอมทองหรือดอยศรีจอมทอง ซึ่งมีลักษณะสัณฐานคล้ายดั่งหลังเต่าทอง มีเนินดินเป็นประดับที่งดงามยิ่ง ส่วนบนเรียบดังศิลาอาสน์แห่งองค์อินทร์ มีความสูงกว่าพื้นนาประมาณ 5 วา เต็มไปด้วยป่าไม้ทองกวาวหรือทองหลาง ตามตำนานกล่าวว่าในสมัยพระพุทธกาล ใกล้ ๆ กับดอยลูกนี้ มีเจ้าผู้ครองเมืองอังครัฏฐะ พระนามว่าพระยาอังครัฏฐะ ได้อธิษฐานขอให้พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรด ได้ทรงสร้างศาลาหลวงและเจดีย์ทองคำไว้ที่ดอยจอมทอง ภายในยอดเจดีย์ทองคำองค์นั้นให้สร้างโกศแก้วอินทนิลดวงหนึ่ง ด้วยหวังว่าจะให้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุตามที่ทรงเลื่อมใสศรัทธา ชาวบ้านเรียกขานกันว่า ดอยสรีจอมทอง (อ่านว่า ดอยสะหลีจอมทอง) กล่าวล่วงมาจนถึงพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันปรินิพพาน พระมหากัสสปะได้อธิษฐานขอให้พระบรมธาตุเสด็จมาประดิษฐานอยู่ที่ดอยจอมทองตามที่พระพุทธองค์ได้ทรงพยากรณ์ไว้ ถึง พ.ศ. 218 พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์อินเดียในสมัยนั้น ได้เสด็จสู่ยอดจอมทองและทรงขุดคูหาเป็นอุโมงค์ใต้ดอยจอมทอง แล้วจึงอัญเชิญพระบรมธาตุให้ประดิษฐานในพระสถูปทองคำที่สร้างไว้ในคูหานั้น พร้อมทั้งเอาก้อนหินปิดคูหาไว้แล้วทรงอธิษฐานว่า “ต่อไปข้างหน้าถ้ามีพระเจ้าแผ่นดิน และศรัทธาประชาชนมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ขอให้พระบรมธาตุเสด็จออกมาปรากฏแก่ฝูงชนเพื่อได้กราบไหว้สักการะบูชา ถึง พ.ศ. 1995 นายสร้อย นางเม็ง สองสามีภรรยาซึ่งเป็นราษฎรที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้ดอยศรีจอมทองในครั้งก่อนนั้น ได้สร้างวัดจอมทองขึ้นแต่ยังไม่เสร็จ นายสร้อย นางเม็ง ได้ถึงแก่กรรมไป ต่อมาถึง พ.ศ. 2009 มีชาย 2 คน ชื่อ สิบเงินและสิบถัว ได้ช่วยกันบูรณะก่อสร้างจนเสร็จถึง พ.ศ. 2024 พระธมฺมปญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีจอมทอง ได้อธิษฐานขอให้พระบรมธาตุเสด็จออกจากสถูปทองคำ อันตั้งอยู่ในคูหาใต้พื้นดอยจอมทอง มาประดิษฐานในพระเกศโมลีของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในพระวิหารนั้น (พระพุทธรูปองค์ใหญ่ดังกล่าวคือ หลวงพ่อเพชร) และเก็บรักษาต่อ ๆ กันมาจนถึง พ.ศ. 2060 พระเจ้าดิลกปนัดดา (พระเมืองแก้ว) เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ทรงรับสั่งให้พระมหาพุทธญาโณจากเมืองพุกาม เป็นหัวหน้าในการสร้างวิหารจัตุรมุขและก่อปราสาทไว้ภายในวิหารนั้น แล้วอัญเชิญพระบรมธาตุมาประดิษฐานไว้ภายในปราสาท สมัยนั้นมีพระมหาสีลปญฺโญเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีจอมทอง ดังนั้นพระบรมธาตุหรือพระทักขิณโมลีธาตุ จึงได้รับการเก็บรักษาไว้โดยวิธีนี้ต่อ ๆ มาจนกระทั่งปัจจุบัน ชาวจอมทองจะเรียกว่า “วัดหลวงจอมทอง” วัดนี้ตั้งอยู่ที่ดอยจอมทองตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที ซึ่งเรียกชื่อพระธาตุจอมทอง พ้องกับการเรียกชื่อพื้นที่ บริเวณด้านหน้าของวัดพระธาตุจะอยู่ทางทิศตะวันออกหันหน้าสู่แม่น้ำปิง เนื่องจากอดีตการคมนาคมใช้ทางน้ำเป็นที่สัญจรไปมา ซึ่งไม่ใช่ทางด้านทิศตะวันตกอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ เพราะต่อมามีการตัดถนนเชียงใหม่ –ฮอด ผ่านด้านหลังวัดจึงทำให้ผู้คนต่างถิ่นจากที่ต่าง ๆ ที่ไม่ทราบ พากันเข้าใจผิดว่าซุ้มประตูโขงทางทิศตะวันตกเป็นด้านหน้าวัด แต่แท้ที่จริงต้องดูการหันหน้าของพระวิหาร และพระประธานในพระวิหารว่าหันเบื้องหน้าไปทางทิศไหน ซึ่งในตำนานพระบรมธาตุกล่าวว่าด้านหน้าของวัดพระธาตุ เป็นคุ้งน้ำปิงเก่า ปัจจุบันวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ 157 หมู่ที่ 2 ถนนสายเชียงใหม่ – ฮอด ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 58 กิโลเมตร เป็นวัดเก่าแก่สร้างมานานประมาณ 500 กว่าปี มีเนื้อที่ประมาณ 13 ไร่ ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ยกเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิด วรวิหาร ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2506 เป็นต้นมา เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างซึ่งมีผลงานดีเด่นประจำปี 2538 จากกรมศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ พิพิธภัณฑ์ ศาลาการเปรียญ โรงเรียนพระปริยัติธรรม กุฏิสงฆ์ กุฏิสำหรับฝึกวิปัสสนากรรมฐานมากกว่า 100 หลัง โบราณสถานและสิ่งปลูกสร้างภายในวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารที่สำคัญคือ พระวิหารมณฑปปราสาทซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากนี้ยังมีอุโบสถ เจดีย์ หอพระไตรปิฎก หอสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ ศาลาสอบอารมณ์และโรงครัวโบราณวัตถุที่สำคัญของวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร มีพระพุทธรูปเงิน พระพุทธรูปทอง งาช้างแกะสลัก เครื่องนักรบโบราณ ฝักดาบเงิน ฝักดาบทอง ช้อนเงิน ช้อนทอง แก้วเจ็ดสี ซึ่งเป็นแหล่งควรค่าแห่งความรู้ อันควรต้องมีการอนุรักษ์ ให้คงอยู่สืบไป ทั้งนี้พระบรมธาตุเจ้าศรีจอมทองยังเกี่ยวข้องกับความเชื่อในการบูชาพระธาตุปีเกิด ซึ่งเป็นความเชื่อตามศรัทธาของหัวเมืองทางล้านนา สำหรับการสักการะบูชาของแต่ละบุคคลที่มีปีเกิดตรงกับพระธาตุตามที่กำหนดไว้ซึ่งเรียกกันในท้องถิ่นว่า พระธาตุปีเปิ้ง ทั้งนี้พระบรมธาตุเจ้าศรีจอมทองเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปี “ใจ้” หรือปีชวด โดยมีความเชื่อว่าคนที่เกิดปีนี้ชีวิตควรจะมาสักการะพระธาตุปีเกิดเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง



 

Icon
ประเภทวัฒนธรรม

จับต้องได้ : Tangible.

Icon
หมวดหมู่วัฒนธรรม

สถาปัตยกรรม : AR : ARchitecture ศาสนสถาน
.

Icon
ที่ตั้ง

เลขที่ : 157 หมู่ 2 ต. บ้านหลวง อ. จอมทอง จ. เชียงใหม่ 50160

Icon
ชื่อผู้ให้ข้อมูลหรือชื่อกลุ่มผู้ให้ข้อมูล

พระสุวรรณเมธี (แสวง ปญฺญาปโชโต), นายกิจจาย ชัยอาจ

Icon
ช่องทางติดต่อผู้ให้ข้อมูล

053-342186

Icon
ผู้บันทึกข้อมูล

สุพัฒนวรี ทิพย์เจริญ : มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น : 2566 Open Call

Icon
แหล่งข้อมูอื่น ๆ
Link ที่เกี่ยวข้อง

มีผู้เข้าชมจำนวน :288 ครั้ง
บันทึกข้อมูลเมื่อวันที่ : 27/09/2023 - ปรับปรุงล่าสุดวันที่ : 14/03/2024