วัดม่อนจำศีลเป็นวัดที่เก่าแก่คาดว่าเป็นวัดป่าสำหรับเจริญกรรมฐานซึ่งถูกทิ้งไว้ให้รกร้างมานานมีเจดีย์ซึ่งบรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าซุ้มพระเจ้าทันใจ(เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด) กำแพงล้อมบริเวณเจดีย์และซุ้มประตูซึ่งปรักหักพังตามกาลเวลา ต่อมาพระมหาป่าเมืองแปง ซึ่งเป็นพระกรรมฐานได้ธุดงค์มาพบองค์เจดีย์และเห็นว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ เป็นที่อันสงบวิเวกเหมาะสมที่จะปฏิบัติธรรมจึงได้เจริญกรรมฐานประจำอยู่ที่นี่ต่อมาเมื่อผู้คนได้ทราบข่าวจึงพากันมาฟังพระธรรมเทศนาเจริญกรรมฐานถวายทานและเกิดศรัทธาเลื่อมใสจึงได้ช่วยกันสร้างวิหารหน้าซุ้มพระเจ้าทันใจขึ้นเพื่อเป็นที่บำเพ็ญกุศล (ปัจจุบันถูกไฟไหม้หมดแล้ว) และได้ช่วยกันบูรณะองค์เจดีย์ให้มีสภาพที่ดีขึ้นต่อมาได้ก่อหุ้มเจดีย์องค์เดิมเพื่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกหลายครั้ง ต่อมา พ.ศ. 2410 ได้มีคหบดีชาวพม่านำช่างจากเมืองมันฑเลย์มาทำการบูรณะและเปลี่ยนรูปทรงของเจดีย์กำแพงและซุ้มประตูให้เป็นศิลปะแบบพม่าและได้สร้างจองไม้สักอีก 1 หลังเมื่อ พ.ศ. 2424 ซึ่งเป็นศิลปะพม่าที่งดงามมากทั้งนี้ด้วยฝีมือในการตกแต่งลวดลายติดกระจกของช่างนั่นเองเนื่องจากไม่ได้เป็นพื้นที่ประกอบศาสนกิจและขาดการดูแลอย่างต่อเนื่องทำให้จองของวัดม่อนจำศีลในปัจจุบันมีสภาพที่ทรุดโทรม ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของจองวัดม่อนจำศีล เป็นอาคารยกพื้นใต้ถุนสูงสร้างด้วยไม้ทั้งหลังยกเว้นในส่วนของบันไดและฐานพระประธานเท่านั้นที่สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูนโดยบันไดตั้งอยู่ทางทิศเหนืออาคารและมีหลังคาคลุมไว้ตั้งแต่ด้านหน้าบันไดเชื่อมต่อหลังคาของชั้นที่สองหลังคาบันไดนี้สร้างเป็นหลังคาแบบซ้อนชั้นลดหลั่นตามระดับของบันไดมีการประดับตกแต่งในส่วนเชิงชายหรือแป้นน้ำย้อยด้วยงานไม้แกะสลักซึ่งปัจจุบันมีสภาพที่ผุพังเกือบหมดแล้วนอกจากนั้นประดับด้วยช่อฟ้าไม้แกะสลักแบบพม่าและมุงหลังคาด้วยกระเบื้องซีเมนต์และแผ่นสังกะสี ชั้นที่สองแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วนโดยแบ่งพื้นที่ตามกลุ่มของหลังคาที่คลุมตัวอาคารออกเป็นหลังส่วนแรกคือด้านหน้าสุดซึ่งอยู่ภายในบริเวณห้องโถงก่อนถึงหน้าพระประธานซึ่งพื้นที่ดังกล่าวน่าจะเป็นพื้นที่สำหรับอุบาสิกาเข้ามาทำพิธีกรรมบนจองแห่งนี้ส่วนที่สองคือส่วนที่ถัดเข้ามาจากส่วนดังกล่าวอยู่บริเวณห้องโถงหน้าพระประธานภายในจองในส่วนนี้น่าจะเป็นพื้นที่สำหรับพระภิกษุสงฆ์และอุบาสกเข้ามาทำพิธีกรรมเช่นกันส่วนที่สามเป็นส่วนสำคัญที่สุดของอาคารคือห้องพระประธานซึ่งเป็นห้องที่ก่ออิฐถือปูนจนถึงชั้นล่างสุดเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระประธานสามองค์บนฐานชุกชีในแนวเดียวกันซึ่งประดับตกแต่งด้วยงานปั้นรักกระแหนะประดับกระจกสีต่าง ๆ ในห้องพระประธานประดับตกแต่งด้วยลายคำลายหม้อปูรณฆฏะ งานไม้แกะสลักและงานปั้นรักประดับกระจกสีในส่วนของฝ้าเพดานด้านหน้าห้องโถงพระประธานมีการฉลุไม้แกะสลักเป็นลายพันธุ์พฤกษาสร้างเป็นโก่งคิ้วไว้ด้านหน้าพระประธานสามช่องตามจำนวนองค์พระด้านหน้าพระประธานเป็นพื้นที่สำหรับประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนาซึ่งคือส่วนที่หนึ่งและสองนั่นเองในส่วนที่สำคือด้านซ้ายมือของพระประธานเป็นที่จำวัดของพระภิกษุสามเณรและห้องน้ำส่วนที่เป็นชานเพื่อใช้เป็นลานอเนกประสงค์รวมไปถึงใช้ในการฉันภัตตาหารสำหรับพระภิกษุสงฆ์ในส่วนนี้มีงานประดับลายคำเป็นลายพันธุ์พฤกษาที่ไม่ละเอียดมากเท่ากับส่วนที่เป็นห้องโถงพระประธาน 2. อาคารที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบพม่าอาคารจะมีลักษณะเป็นโถงมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมหรือรูปทรงกากบาทเอกลักษณ์ของอาคารอยู่ที่ชั้นหลังคาเนื่องจากช่างได้สร้างชั้นหลังคาให้มีรูปทรงยอดปราสาทลดหลั่นซ้อนกันตั้งแต่ 4 ชั้น 5 ชั้น 7 ชั้นชาวพม่าเรียกอาคารรูปแบบนี้ว่า “เปียตั๊ด”(Pyathat) ส่วนชาวลำปางนั้นได้ให้ความหมายของอาคารลักษณะนี้ว่า “อาคารทรงผ๋าสาท” ในแต่ละชั้นนั้นมีการประดับตกแต่งด้วยงานแกะสลัก-ฉลุไม้แล้วทารักปิดทองอาคารที่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบพม่า ได้แก่ จองวัดศรีชุมและมณฑปปราสาทวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม
จับต้องได้ : Tangible.
สถาปัตยกรรม : AR : ARchitecture ศาสนสถาน
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
แหล่งภูมิปัญญาท้องถิ่น
แหล่งพิธีกรรม
.
มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง : มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง : 2566 Festival