วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดารามเป็นปูชนียสถานสำคัญของเมืองลำปาง เดิมชื่อวัดพระแก้วชมพู เป็นวัดสำคัญในฐานะวัดหลวงกลางเวียงของเมืองเก่านครลำปาง รุ่นที่ 1 (เมืองเขลางค์นคร) มีพื้นที่กว้างใหญ่ ในเขตพุทธาวาสจะประกอบไปด้วยพระบรมธาตุ วิหารหลวง มณฑปศิลปะแบบพม่า วิหารพระนอนเป็นต้น นับเป็นวัดสำคัญที่เป็นต้นกำเนิดของพระเจ้าแก้วดอนเต้า พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองลำปางจากตำนานพระแก้วดอนเต้าซึ่งมีเรื่องราวของนางสุชาดาเป็นตัวเอกของเรื่อง และเรื่องราวนี้เป็นทั้งเนื้อเรื่องในตำนาน และเรื่องเล่าของชาวบ้านพร้อมกันไปด้วย ในการรับรู้ของชาวลำปางที่อยู่ในเขตเมืองเก่านครลำปางรุ่นที่ 1 นั้น ต่างเชื่อกันว่าเรื่องราวของนางสุชาดาเสมือนเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เป็นเรื่องจริงเพราะมีสถานที่เกี่ยวกับนางสุชาดา เช่น วัดพระแก้วดอนเต้า วัดสุชาดาราม วัดนางเหลียว วังย่าเฒ่า เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามในทางวิชาการถือว่านางสุชาดาเป็นเพียงเรื่องราวในตำนานที่สร้างขึ้นเพื่อก่อให้เกิดความชอบธรรมแก่พระเจ้าแก้วดอนเต้า พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองลำปางที่สันนิษฐานว่า เป็นพระพุทธรูปที่มาจากเชียงแสน และเมื่อมาอยู่มาอยู่ที่เมืองลำปางจึงมีความพยายามสร้างประวัติศาสตร์ให้สัมพันธ์กับบริบทของเมืองแห่งนี้มากยิ่งขึ้น ภายในวัดแห่งนี้มีพระบรมธาตุขนาดสูงใหญ่ซึ่งเชื่อว่าบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า (เส้นผมของพระพุทธเจ้า) พระบรมธาตุมีลักษณะเป็นทรงระฆังคว่ำศิลปะแบบลังกา อันเป็นศูนย์กลางของวัดที่ใช้ประกอบพิธีสำคัญ เช่น การสรงน้ำพระบรมธาตุประจำปี วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดารามถือเป็นวัดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปสำคัญระดับชาติ โดยในครั้งหนึ่งเมื่อกว่า 600 ปีที่แล้วเคยเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต (หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร”) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ปัจจุบันพระแก้วมรกตประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (หรือเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า“วัดพระแก้ว”) ตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร ในวัดแห่งนี้จะมีรูปปั้นช้างแห่พระแก้วมรกตเป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ว่า เมื่อกว่า 600 ปีที่แล้วครั้งเมืองลำปางเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรล้านนา พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์แห่งเมืองเชียงใหม่ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตจากเมืองเชียงรายเพื่อมายังเมืองเชียงใหม่แต่พระแก้วมรกตไปไม่ถึงเมืองเชียงใหม่ ในเอกสารประวัติศาสตร์กล่าวว่า ช้างที่แห่พระแก้วมรกตมาหยุดที่เมืองลำปางและไม่ยอมไปไหน จึงทำให้พระแก้วมรกตได้มาประดิษฐานอยู่ที่วัดพระแก้วชมพู (วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดารามในปัจจุบัน) เป็นเวลานานถึง 32 ปี เรื่องนี้วิเคราะห์กันว่า เป็นการสะท้อนถึงอำนาจและความสำคัญทางการเมืองของเจ้าเมืองลำปางที่สามารถต่อรองกับกษัตริย์แห่งเชียงใหม่ได้ เพราะพระแก้วมรกตจะประดิษฐานอยู่ ณ เมืองสำคัญที่มีอำนาจในช่วงเวลานั้น สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นภายในวัดอีกแห่งหนึ่ง คือ มณฑปศิลปะแบบพม่า (มณฑป หมายถึง อาคารขนาดใหญ่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทรงสูงเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป) มณฑปหลังนี้มีความสวยงามแปลกตาโดยเป็นศิลปะแบบพม่า ทั้งที่วัดพระแก้วดอนเต้าฯมิใช่วัดศิลปะพม่าแต่ประการใด ตามประวัติบอกว่าเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางคนสุดท้ายได้ให้ช่างชาวพม่า (หรือ “สล่า”) มาสร้างมณฑปอยู่ทางทิศใต้ของพระบรมธาตุ การที่วัดแห่งนี้มีมณฑปศิลปะแบบพม่าได้สะท้อนถึงความสำคัญที่เมืองลำปางเคยเป็นเมืองอุตสาหกรรมป่าไม้ที่มีชาวพม่ามาประกอบอาชีพทำป่าไม้เมื่อ 150 กว่าปีมาแล้ว จะสังเกตเห็นว่า มีสัญลักษณ์รูปเทวดาฝรั่ง (เทพเจ้าแห่งความรัก “คิวปิด”) ติดอยู่บนเพดานในมณฑปแห่งนี้ ทั้งที่เป็นอาคารในทางพุทธศาสนา แต่มีความน่าสนใจที่มีสัญลักษณ์แบบฝรั่งที่มักพบเห็นในโบสถ์ของคริสต์ศาสนา วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดารามเป็นการรวมเอา 2 วัดคือวัดพระแก้วดอนเต้ากับวัดสุชาดามารวมกัน ในส่วนของวัดสุชาดาเดิมยังมีสถาปัตยกรรมที่สำคัญคือ วิหารลายคำที่สวยงามเป็นวิหารแบบเชียงแสนจัดเป็นวิหารที่งดงามแห่งหนึ่งในเมืองลำปางเชื่อว่าคงสร้างโดยกลุ่มชาวเชียงแสนที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งแต่สมัยพระยากาวิละ เป็นเจ้าผู้ครองนครลำปาง เมื่อกว่า 200 ปีมาแล้วจึงเห็นได้ว่าพื้นที่เมืองเก่านครลำปางรุ่นที่ 1 จะพบสถาปัตยกรรมแบบเชียงแสนในวัดหลายแห่ง เช่น วัดหัวข่วง วัดแสงเมืองมา (เดิมน่าจะชื่อ “วัดแสนเมืองมา”) เป็นต้น ปัจจุบันวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดารามใช้เป็นสถานที่สำคัญในการประกอบพิธีการสำคัญของจังหวัดลำปาง เช่น พิธีการที่เกี่ยวเนื่องกับพระมหากษัตริย์ การจัดพิธีสรงน้ำพระบรมธาตุประจำปี การทอดกฐินพระราชทาน เป็นต้น
จับต้องไม่ได้ : InTangible.
สถาปัตยกรรม : AR : ARchitecture ศาสนสถาน
.
เลขที่ : 106 ถนนพระแก้ว ต. เวียงเหนือ อ. เมืองลำปาง จ. ลำปาง 52000
อาจารย์อัคค์สัจจา ดวงสุภาสิญจ์ : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา : 2566 Open Call