วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร” สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2368 โดยเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (เจ้าสัวโต แซ่อึ้ง) ว่าที่สมุหนายก ต้นสกุลกัลยาณมิตร ซึ่งเดิมที่ดินบริเวณนี้มีภิกษุจีนพำนักอาศัยอยู่ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ได้อุทิศบ้านและที่ดินถวายแก่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ต่อมาได้รับพระราชทานนามว่า “วัดกัลยาณมิตร” วัดนี้มีความเชื่อมโยงกับชาวจีนและมีพระพุทธปฏิมาที่สำคัญ คือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่มีนามว่า พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต (ซำปอกง) ด้วยมีพระประสงค์จะให้เหมือนกรุงเก่า คือมีพระโต อยู่นอกกำแพงเมืองอย่างเช่นวัดพนัญเชิง หลวงพ่อโตเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงโดยเฉพาะในหมู่ชาวจีน ในช่วงที่วัดสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อย มีที่ดินบางส่วนที่ทางวัดได้ให้ชาวบ้านเช่าเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นจุดกำเนิด วัดกัลยาณ์ เพราะทางวัดในขณะนั้นเห็นว่า ควรให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนในการช่วยทำนุบำรุงวัด หากแต่ในปัจจุบันชุมชนวัดกัลยาณ์ต้องมีการปรับตัวไปตามกาลเวลา เมื่อทางวัดมีนโยบายในการปรับปรุงและพัฒนาสถานที่ของวัด หากแต่ชาวชุมชนวัดกัลยาณ์ยังคงดำรงรักษาวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของประเพณี ความเชื่อ ที่ผสมผสานระหว่างชาติพันธุ์ จีน-ไทย ได้อย่างต่อเนื่อง พระวิหารหลวง รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นอาคารประธานที่สร้างขึ้นในแนวแกนประธาน ของเขตพุทธาวาส โดยตั้งอยู่ระหว่างพระอุโบสถและการเปรียญ หันด้านสกัดออกทางหน้าวัด รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าให้สร้างขึ้น ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสถาปัตยกรรมแบบประเพณี หลังคาประดับเครื่องลำยอง ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ไม่มีทวยรับชายคา หลังคาเป็นหลังคาชั้นลดหน้าหลัง 4 ตับ 2 ซ้อน ซ้อนสุดท้ายเป็นพะไลคลุมรอบเฉลียงพระวิหารหลวงเสาพะไลก่ออิฐถือปูนฉาบเรียบทาสีขาวไม่มีบัวหัวเสา หน้าบันแกะสลักปิดทองประดับกระจกสีเป็นลายดอกพุดตานส่วนฐานอาคารเป็นฐานปั้นปูนฐานปัทม์สองชั้น ตัวอาคารมีทางเข้าด้านสกัดทั้งหน้าและหลัง ด้านละ 2 ประตู มีหน้าต่างด้านละ 5 บาน ทั้ง 2 ด้าน ประตูหน้าต่างเป็นซุ้มปูนปั้นแบบซุ้ม บันแถลงยอดปราสาท บานประตูหน้าต่างภายนอกเขียนลายรดน้ำปิดทองเป็นลายอัษฎาวุธ ภายในเขียนสีเป็นลายดอกไม้ร่วง ฝาเพดานภายในฉลุลายดาวเพดานปิดทองบนพื้นสีแดง พระประธาน ภายในวิหารหลวงเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์พระประทานก่ออิฐถือปูนลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 11.75 เมตร สูง 15.44 เมตร รัชกาลที่ 3 ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปก่อพระฤกษ์ ในวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2380 ชาวบ้านเรียกพระประธานองค์นี้ว่า “พระโต” ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า “พระพุทธไตรรัตนนายก” พระอุโบสถ วัดกัลยาณมิตรเป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 คือลักษณะของอาคารนำเอาศิลปะจีนเข้ามาตกแต่ง มีพะไลรอบ พะไลมีเสาทั้งหมด 30 ต้น เสาพะไลไม่มีบัวหัวเสา ลบมุมเสาด้วย บัวเล็บมือ เฉลียงด้านสกัดมีความกว้างทั้งสองด้านเท่ากัน หลังคาพระอุโบสถเป็นหลังคาชั้นลด หลังคา 3 ตับ 2 ซ้อน ตับสุดท้ายเป็นพะไลคลุมเฉียงรอบ หน้าบันพระอุโบสถเป็นแบบกระเท่เซ ใช้การประดับกระเบื้องเคลือบสีเป็นลายแผง ตัวอาคารด้านสกัดทั้งสองด้านของพระอุโบสถ เจาะช่องประตูด้านละ 2 ช่อง ผนังด้านยาวเจาะช่องหน้าต่างแบบบานแผละด้านละ 5 ช่อง ประตูหน้าต่างปั้นปูนเป็นซุ้มเรือนแก้วประดับกระจก เสารวมด้านใน เขียนลายประจำยาม ตอนล่างเขียนลายกรวยเชิง ฝาผนังภายในเขียนลายจิตกรรมฝาผนังเรื่องการดำเนินชีวิต ในสมัยนั้น พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางปาลิไลย์ ซุ้มเสมา ลักษณะเป็นแบบฝรั่ง มีทั้งหมด 8 ซุ้ม ตั้งอยู่โดยรอบพระอุโบสถตามทิศทั้ง 8 ตามคติการใช้เสมาทั่วไป ทำด้วยหินทรายจีนเกะสลัก แผนผังซุ้มเป็นรูปสีเหลี่ยมลบมุมฐานซุ้มเป็นฐานปัทม์ ตัวเรือนซุ้มทั้งสี่มุมแกะสลักเป็นเสาอิงเจาะช่องวงโค้ง ภายในซุ้มประดิษฐานใบเสมาคู่ แกะสลักจากหินแกรนิต มีลักษณะใบเสมาเอวคอด ยอดใบเสมาทำเป็นทรงปริก บ่าเสมาแกะสลักบัวคอเสื้อเป็นกระจัง ตาเสมาทั้งสองข้างแกะสลักเป็นวงแหวน ใบเสมาทั้งอยู่บนฐานบัวซ้อนอยู่บนฐานสิงห์ หอระฆัง พระสุนทรสมาจารย์ (พรหม) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2476 ตั้งอยู่ทางเหนือพระวิหารหลวง หน้าหอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ ฐานรูปสี่เหลี่ยมกว้าง 8 เมตร สูง 30 เมตร ชั้นบนประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางลีลา ยอดหอระฆังปั้นเป็นรูปพรหมพักตร์ ชั้นล่างแขวนระฆังใบใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 192 เซนติเมตร ระฆังใบนี้หล่อโดยช่างญี่ปุ่นชื่อ นายยีฟูยี วารา เจดีย์ทรงกลม ขนาดเล็กทรงระฆังคว่ำ 2 องค์ ตั้งอยู่หน้าพระวิหารหลวงขนาดศาลาตรีมุข องค์เจดีย์ประดับด้วยหินอ่อน เจดีย์ตั้งอยู่บนฐานสูง 8 เหลี่ยม มีขนาดเท่ากันทั้ง 2 องค์ ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของศาลาตรีมุข ซุ้มประตูโขลนทวารศิลาแกะสลัก ซุ้มประตูเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบจีนใช้หินแกะแกรนิตสลัก ตั้งอยู่ระหว่างด้านหน้าของพระวิหารหลวงและประตูศาลาตรีมุข เจดีย์บรรจุอัฐิเจ้าพระยารัตนบดินทร์ (รอด กัลยาณมิตร) ปลัดทูลฉลองมหาดไทย พระยากัลยาณมิตร นิกรวงศ์ (คง กัลยาณมิตร) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2442 เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำหินอ่อนสีขาวประดิษฐาน อยู่ข้างพระวิหารหลวง เจดีย์เหลี่ยมย่อมุม เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง องค์เจดีย์ทำด้วยหินแกรนิตแกะสลัก ฐานก่ออิฐถือปูนยกสูงตั้งอยู่ข้างเจดีย์บรรจุอัฐิเจ้าพระยารัตนบดินทร์ฝั่งพระวิหารหลวง ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง เจดีย์บรรจุอัฐิเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กับยาณมิตร) เป็นเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้ 12 ตั้งบนฐาน แปดเหลี่ยมประดับหินอ่อน มีกำแพงล้อมรอบมีบันไดขึ้นลงสองด้าน มีถะปรางค์หินแบบจีนประดับสี่มุมกำแพง เจดีย์ถะจีน ถะที่สร้างขึ้นด้วยหินแกรนิตจีน เป็นถะแปดเหลี่ยมแบบยอดห้าชั้น ยกฐานสูง มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ยอดถะแกะสลักมีลักษณะเป็นยอดปรางค์ มีถะขนาดเล็กล้อมรอบทั้งสี่มุมเหมือนเจดีย์บรรจุอัฐิ ของเจ้าพระยานิกรบดินทร์ ศาลาเก๋งจีน เป็นศาลาเก๋งจีนขนาดเล็กเดิมเป็นศาลาโถงโล่ง มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 หลัง ศาลาเก๋งทั้งสองตั้งขนาบทางเดินจากศาลาท่าน้ำไปพระวิหารหลวง การประดับตกแต่งศาลาเก๋งจีนเป็นการประดับตกแต่งด้วยปูนปั้นแบบจีน ศาลาการเปรียญ อาคารตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ลานพุทธาวาส ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เดิมสร้างด้วยไม้ปัจจุบันรื้อศาลาการเปรียญเดิมออก แล้วสร้างเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ณ ตำแหน่งเดิมเป็นสถาปัตยกรรมในรูปแบบประเพณี ศาลาท่าน้ำ ศาลาท่าน้ำมีจำนวน 3 หลัง เป็นศาลาโถงโล่ง ก่ออิฐถือปูน ศาลาท่าน้ำหลังกลางตั้งตรงกับเส้นทางไปสู่พระวิหารหลวงเป็นศาลาจัตุรมุข โดยมุขหน้าและมุขข้างเป็นหลังคาแบบสถาปัตยกรรมไทย คือมีช่อฟ้าใบระกา ส่วนมุขที่หันหน้าไปทางพระวิหารหลวงเป็นหลังคาแบบเก๋งจีนส่วนศาลาท่าน้ำอีก 2 หลัง เป็นศาลา แบบไทยประเพณีคือมีช่อฟ้าใบระกา (นพรัตน์ ถาวรศิริภัทร (2551). การศึกษาการออกแบบสถาปัตยกรรม เขตพุทธาวาส วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร. วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม))--มหาวิทยาลัยศิลปากร, ภาพประกอบ, แปลน, แผนที่, 2551.)
จับต้องได้ : Tangible.
โบราณสถาน : AS : Archeological Site ย่านประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม
.
เลขที่ : 371 ซอย อรุณอมรินทร์ 6 ต. วัดกัลยาณ์ อ. เขตธนบุรี จ. กรุงเทพมหานคร 10600
กิตติ เชี่ยวชาญ : มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา : 2566 Festival