คุณพ่อทองดี ศรีชาดา เป็นปราชญ์ชุมชนด้านการจักรสานไม้ไผ่ นับว่าเป็นปราชญ์คนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ของชุมชนบ้านเมืองเตา เนื่องจากปราชญ์คนอื่นเสียชีวิตไปหมดแล้ว จากการสัมภาษณ์คุณพ่อทองดี ศรีชาดาสามารถแบ่งยุคของการทำงานด้านจักรสานของคุณพ่อทองดี ศรีชาดาได้ดังนี้ ยุคหาอยู่หากิน พ.ศ.2482- 2500 ยุคแรกเริ่มของปราชญ์ชุมชนด้านการจักรสานจากการสัมภาษณ์จึงนับว่า พ.ศ.2482 คือปีที่คุณพ่อทองดี ศรีชาดาเกิด ซึ่งเป็นคนในชุมชนบ้านเมืองเตาและมีที่อยู่อาศัยอยู่บริเวณศาลเจ้าพ่อศรีนครเตาปัจจุบัน จากการบอกเล่าของคุณพ่อทองดี บริเวณที่เป็นที่ตั้งศาลปัจจุบันเดิมเป็นป่ารกทึบ มีต้นไผ่เยอะมาก สามารถตัดไม้ไผ่มาทำบ้านเรือน ตลอดจนเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ได้ อุปกรณ์ในชีวิตประจำวันส่วนมากก็จะทำจากไม้ไผ่เนื่องจากทำง่ายและมีความเหนียวแน่นเช่น หวดนึ่งข้าว กระติบข้าว ตลอดจนเครื่องมือจับปลาที่มีความต้องการใช้จำนวนมากในชุมชน เนื่องจากชุมชนบ้านเมืองเตาเป็นชุมชนเกษตรกรรม และมีหนองน้ำจำนวนมากภายในบริเวณชุมชน คุณพ่อทองดี ศรีชาดา สืบทอดการจักรสานมาจากบิดาในช่วง พ.ศ. 2500 โดยการจดจำวิธีการต่างๆและทดลองทำมาเรื่อยๆจนประสบความสำเร็จ สามารถทำได้ทั้งงานจักรสาน งานทำเครื่องจับปลา ทั้งหมด ยุคการผลิตเพื่อขาย พ.ศ. 2501-2550 การพัฒนาที่มีความเปลี่ยนแปลงการเข้ามาของการคมนาคมเริ่มสะดวกมากขึ้นชุมชนสามารถติดต่อกับชุมชนภายนอกได้ ทำให้คนหนุ่มสาวเริ่มเดินทางออกไปทำงานที่กรุงเทพมากขึ้นหลังจากว่างเว้นฤดูทำนา แต่อย่างไรก็ตามการทำงานจักรสานก็ยังสารถดำเนินการได้เรื่อยๆ เนื่องจากสามารถทำตอนว่างเว้นจากการทำนา ว่างเว้นจากการเลี้ยงสัตว์ ทำให้ผู้ที่มีฝีมืออย่างคุณพ่อทองดี เป็นที่รู้จักของคนในชุมชนเนื่องจากชอบทำงานจักรสานเป็นหลักซึ่งคุณพ่อทองดี ศรีชาดา ก็ยังสามารถทำเครื่องมือจับปลา เครื่องใช้ในครัวเรือนชนิดอื่นได้ด้วย และในช่วง พ.ศ2550 คุณพ่อทองดี เริ่มทำงานจักรสานอย่างจริง สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว และส่งลูกเรียนหนังสือจากรายได้จักรสาน จากผลผลิตที่สามารถผลิตได้จำนวนมากเนื่องจากคุณพ่อทองดียังมีสุขภาพแข็งแรงสามารถไปตัดไม้ไผ่มาเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในงานจักรสานได้ สารถสร้างผลผลิตได้จำนวนมากและมีผู้มาซื้อหาอยู่เป็นปรำจ ยุคการหายไปของงานหัตถกรรมชุมชน 2551-ปัจจุบัน หลังจากมีการพัฒนาถนนภายในชุมชนมากขึ้นชาวบ้านจากอยู่หัวไร่ปลายนาเริ่มย้ายมาอยู่บริเวณริมถนน มีการถากถางที่สวน ที่นาเพื่อสร้างบ้านเรือนอยู่ริมถนน การหายไปของป่าเริ่มมากขึ้นการตัดไม้มาทำบ้านเรือน ดอนปู่ตาที่เป็นป่าไผ่เริ่มพัฒนามากขึ้นทำให้ต้นไผ่ถูกถางออกทั้งหมด ซึ่งเป็นเหตุให้วัตถุดิบสำคัญในการจักรสานเริ่มหายไปจากชุมชน ประกอบกับอายุที่มากขึ้นของคุณตาทองดีไม่สามารถผลิตได้รวดเร็วดังเช่นช่วงที่สืบทอดต่อจากพ่อในช่วงแรก แต่ก็ยังมีออเดอร์จากคนในชุมชนจำนวนมากรอคิวจำนวนมาก บางท่านตัดไม้ไผ่มาไว้ให้เพื่อรอคิวงานจักรสานของคุณพ่อทองดี ปัจจุบันก็ยังไม่มีผลผลิตที่สานรอขาย ผลิตตามที่คนในชุมชนสั่งก็มีงานแทบทุกวัน
พ.ศ. 2482 - 2500 .... |
เหตุการณ์ :
ชุมชนบ้านเมืองเตาสภาพพื้นที่เป็นพื้นที่ป่ารกทึบ มีต้นไผ่จำนวนมากบริเวณศาลเจ้าพ่อศรีนครเตาปัจจุบันการดำรงชีวิตของผู้คนเป็นแบบหาอยู่หากินตามธรรมชาติ |
พ.ศ. 2501 - 2550 .... |
เหตุการณ์ :
ความเจริญด้านการคมนาคมเริ่มเข้ามาในพื้นที่เริ่มมีการจัดทำถนนเชื่อมต่อระหว่างชุมชน ทำให้คนหนุ่มสาวเริ่มเดินทางออกไปทำงานที่กรุงเทพมหานครเมื่อว่างเว้นจากฤดูทำนา |
พ.ศ. 2551 - 2567 .... |
เหตุการณ์ :
การพัฒนาเส้นทางคมนาคมทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายบ้านเรือนมาอยู่บริเวณริมถนนซึ่งเป็นที่นาที่สวนเดิม เนื่องจากใกล้เส้นทางคมนาคมและสะดวกต่อการเดินทาง |
จับต้องได้ : Tangible.
งานช่างฝีมือดั้งเดิม : TC : Traditional Craftsmanship เครื่องจักสาร
เครื่องไม้
งานศิลปกรรมพื้นบ้าน
.
เลขที่ : บ้านเมืองเตา ต. เมืองเตา อ. พยัคฆภูมิพิสัย จ. มหาสารคาม 44110
พ่อทองดี ศรีชาดา อายุ 85 ปี
บ้านเลขที่ 78 หมู่ 17 ตำบลเมืองเตา อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม : มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม : 2567 Festival