พระเทพวงศา (ก่ำ) เจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานีคนแรก ได้ปกครองดูแลราษฎรด้วยความสันติสุขและพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า โดยตรงต่อกรุงเทพมหานคร จนกระทั่งปี พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ (เวียงจันทน์) ต้องการเป็นอิสรภาพไม่ขึ้นกับกรุงเทพมหานคร ยกกองทัพปตีเมืองนครราชสีมา ให้เจ้าโย้ (โอรสเจ้าอนุวงศ์) เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ ยกทัพมาตีเมืองอุบลราชธานี และเมืองเขมราษฎร์ธานีด้วย พระเทพวงศา (ก่ำ) ได้นำไพร่พลต่อสู้ป้องกันเมืองไว้อย่างเต็มความสามารถ แต่ด้วยกำลังพลมีน้อยกว่าจึงไม่สามารถต้านได้ ในที่สุดพระเทพวงศา (ก่ำ) ถูกจับได้แล้วถูกประหารชีวิต ในปี 2369 พระพรหมราชวงศา (ท้าวทิดพรหม) เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนที่ 2 ร่วมกับพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) แม่ทัพใหญ่จากกรุงเทพมหานคร ยกทัพมาปราบเจ้าโย้ได้สำเร็จ เจ้าโย้ถูกประหารชีวิต พระยาราชสุภาวดี ได้ยกทัพเลยขึ้นไปตีกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์) แตก ได้จับเจ้าอนุวงศ์ไปที่กรุงเทพมหานคร เจ้าอนุวงศ์ได้ถึงแก่พิราลัยที่นั้น หลังจากพระเทพวงศา (ก่ำ) ได้ถึงแก่กรรมในการกู้ชาติของเจ้าอนุวงศ์ ท้าวบุญจันทร์ ซึ่งเป็นบุตรคนโตของพระเทพวงศา ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็น พระเทพวงศา (บุญจันทร์) เจ้าเมืองเขมราษฎร์คนที่ 2 แทนบิดาในปี พ.ศ. 2371 จากนั้นก็มีเจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานีต่อมาอีก 3 คน เป็นอันสิ้นสุดการปกครองเมืองในระบบเจ้าเมือง สร้างวันที่ 12 สิงหาคม 2537 – 16 ธันวาคม 2539 ค่าก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 2,042,641.77 บาท เปิดอนุสาวรีย์วันที่ 19 ธันวาคม 2539 (คณะกรรมการฯฉลอง ๒๐๐ปีเขมราษฎร์ธานี, 2557,74 - 75)
จับต้องได้ : Tangible.
สถาปัตยกรรม : AR : ARchitecture สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
.
เลขที่ : ม.7 ต. เขมราฐ อ. เขมราฐ จ. อุบลราชธานี 34170
ดร. วศิน โกมุท : มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี :