โฮงบรรพชนวงศ์กาฬสินธุ์ ของตระกูลวงศ์กาฬสินธุ์ ณ คุ้มกลางธงชัย ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร ประวัติและความเกี่ยวข้องกับพระธาตุเชิงชุม ของตระกูลวงกาฬสินธุ์ เมืองสกลนครสมัยวัฒนธรรมล้านช้าง (ลาว) ประมาณพุทธศตวรรษที่ 21-23 เมื่อพุทธศตวรรษที่ 21-25 เป็นต้นมา สกลนครเริ่มเข้าสู่สมัยวัฒนธรรมล้านข้าง ถึงแม้ว่าวัฒนธรรมเขมรเริ่มเสื่อม อำนาจหมดจากจากสภลากรแล้วก็ตาม แต่ยังคงปรากฏหลักฐานความสืบเนื่องทางวัฒนธรรม อาทิ พระพุทธรูปหินทรายปางนาคปรกภายในองค์พระธาตุเชิงชุม เป็นต้น และยังคงปรากฎเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นเมืองขอมมาก่อน โดยบอกเล่าผ่านตำนานอุรังคนิทานและนิทานพื้นบ้านเรื่อง ผาแดง - นางไอ่ กล่าวถึงเจ้าเมืองเป็ผู้ปกครองเชื้อชาติขอมหรือเขมร จนกระทั่งถึงพุทธศตวรรษที่ 23 วัฒนธรรมล้านช้างเจริญรุ่งเรื่องจนถึงขีดสุด มีการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของผู้คน ในกลุ่มวัฒนธรรมไท-ลาว ภายใต้อำนาจการปกครองของอาณาจักรล้านช้าง ปรากฎหลักฐานการสร้างศาสนสถานทางพระพุทธศาสนาขึ้นหลายแห่ง และการดัดแปลงปราสาทหินต่างๆ ที่มีมาแต่เดิมให้เป็นพระธาตุ พร้อมกับการอุทิศกัลปนา “ข้าพระโยมสงฆ์" หรือ "ข้าโอกาส" ให้ทำหน้าที่ในการดูแลศาสนสถานที่ถูกสร้างขึ้นนั้นด้วย วัฒนธรรมล้านข้าง ได้แผ่ขยายครอบคลุมดินแดนลุ่มน้ำหนองหาน โดยพบหลักฐานประเภทจารึกที่วัดกลางศรีเชียงไปหม่ บ้านท่าวัด ตำบลเหล่าปอแดง อำเภอเมืองสกลนคร กล่าวถึง การกัลปนาที่ดินสร้างวัดในพระพุทธศาสนา เมื่อจุลศักราช 998 (พุทธศักราช 2179) เมืองสกลนคร ครั้งถึงปลายพุทธศตวรรษที่ 23 อาณาจักรล้านช้าง เริ่มอ่อนแอลงด้วยเหตุผลหลายประการบ้านเมืองต่าง ๆ รวมไปถึงบริเวณบ้านเมืองในที่ราบลุ่มริมหนองหานจากเดิมอาณาจักรล้านช้างปกครองอยู่ก็ได้ตกอยู่ภายใภ้อิทธิพล ของสยาม ปรากฎหลักฐานเป็นลายถักษณ์อักษรที่ทำให้เห็นถึงพัฒนาการเมืองของสกลนครอย่างเด่นชัดว่า ในช่วงสมัยธนบุรี อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยครอบครัว ไพร่พล มาตั้งบ้านเรือน ณ. บ้านธาตุเชียงชุม ต่อมาเมื่อประมาณปีพุทธศักธาร 2329 ชุมชนแห่งนี้ได้รับการยกขึ้นเป็น "เมืองสกลนคร" ตรงกับสมัยในกรุงรัตนโกสินทร์ (เอกสารท้องถิ่นว่า “เมืองสกลทวาปี") โดยให้อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์ เป็นพระธานีเจ้าเมืองสกลนคร ใช้การปกครองบ้านเมือง ในระบบ “อาญาสี่” ประกอบด้วยตำแหน่งสำคัญ คือ เจ้าเมือง อุปฮาด ราชวงศ์และราชบุตร กลุ่มคนที่เข้ามาตั้งบ้านเรือนเหล่านี้ทำหน้าที่เป็น “ข้าพระธาตุ” ด้วยเมื่อล่วงมาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พุทธศักราช 2369 เกิดสงครามระหว่างสยามกับเวียงจันทน์ พระธานีเจ้าเมืองสกลทวาปี ต้องอาญาทัพข้อหาว่า ไม่จัดเตรียมเสบียงอาหาร ทำให้มีการกวาดต้อนผู้คนเมืองสกลนครบางส่วนไปอยู่ที่เมืองกบินทร์บุรีและเมืองประจันตคาม ให้ราชวงษ์เมืองกาฬสินธุ์อยู่รักษาบ้านเมือง และคงให้ราษฎรจำนวน 7 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านเชียงชุม บ้านหนองเหียน บ้านจารเพ็ญ บ้านอ้อมแก้ว บ้านนาเวง บ้านพานและบ้านวังยาง ทำหน้าที่ปฏิบัติรักษาองค์พระธาตุเชิงชุม
จับต้องได้ : Tangible.
สถาปัตยกรรม : AR : ARchitecture สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
แหล่งภูมิปัญญาท้องถิ่น
แหล่งพิธีกรรม
.
เลขที่ : คุ้มกลางธงชัย ต. ธาตุเชิงชุม อ. เมืองสกลนคร จ. สกลนคร 47000
คุณทาสาร อริยชาติ ประธานชุมชนคุ้มกลางธงชัย
0867158632
tanawadee : มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร : 2566 Open Call